เตือน! เรื่องเงินทุนจดทะเบียนที่นักธุรกิจไทยพลาดบ่อยในจีน

การไปตั้งบริษัทที่จีนไม่ใช่แค่มีไอเดียหรือพาร์ทเนอร์ดีเท่านั้น แต่“เงินทุนจดทะเบียน (Registered Capital)”คือด่านสำคัญที่นักธุรกิจไทยพลาดกันมาก และอาจทำให้บริษัทไม่ผ่านการอนุมัติ หรือถูกเพิกถอนในภายหลังได้!

1. คิดว่าใส่เท่าไหร่ก็ได้ — ผิด!

แม้จีนจะยกเลิกกฎหมายกำหนดทุนขั้นต่ำแล้ว แต่หน่วยงานท้องถิ่นยังคาดหวังให้บริษัทต่างชาติมีทุน“สมเหตุสมผล”

• ใส่น้อยเกินไป = ดูไม่น่าเชื่อถือ / ไม่ผ่านการอนุมัติ

• ใส่มากเกินไป = ต้องโอนเงินเข้าจริงให้ครบ ไม่อย่างนั้นอาจโดนยึดใบอนุญาต

2. ไม่รู้ว่า“เงินทุนจดทะเบียน = คำสัญญาต่อรัฐบาล”

นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขใส่เล่น ๆ บนกระดาษ แต่หมายถึงคุณต้องโอนเงินจริงเข้าบัญชีบริษัทจีนภายในเวลาที่กำหนด (อาจ 2-5 ปี ตามที่ระบุในใบสมัคร)
ถ้าไม่ทำ → บริษัทอาจถูกเพิกถอน (Deregister)

3. ไม่คำนวณต้นทุนจริงของธุรกิจ

หลายคนตั้งทุนต่ำเพื่อประหยัด แต่ไม่คิดถึงค่าใช้จ่ายจริง เช่น

• ค่าเช่าออฟฟิศ / โรงงาน

• เงินเดือนพนักงานจีน

• ภาษี, ประกันสังคม, ค่าที่ปรึกษา
  สุดท้ายต้องเพิ่มทุนใหม่ → เสียเวลา + ค่าใช้จ่ายเพิ่ม

4. เข้าใจผิดว่า“ไม่ต้องโอนเงินก็ทำธุรกิจได้”

สำหรับบริษัทต่างชาติ (WFOE) หากไม่มีการโอนทุนเข้าไป ระบบธนาคารจีนจะไม่อนุญาตให้
✔ เปิดบัญชีทุน (Capital Account)
✔ รับเงินจากต่างประเทศ
✔ ออกใบกำกับภาษีจีน (Fapiao)

5. ไม่รู้ว่าทุนจดทะเบียนมีผลต่อความน่าเชื่อถือ

ธนาคารจีน, ผู้ผลิต, ลูกค้าในจีน จะดู“เงินทุนจดทะเบียน”เพื่อประเมินว่าคุณมีศักยภาพแค่ไหน
ทุนต่ำเกินไป → คู่ค้าอาจไม่กล้าทำธุรกิจด้วย

 แล้วควรใส่ทุนเท่าไหร่ดี? (ตัวเลขแนะนำเบื้องต้น)

สรุปสำหรับนักธุรกิจไทย

✔ เงินทุนจดทะเบียนคือ“ตัวตัดสินความน่าเชื่อถือ”และ“คำสัญญาที่ต้องส่งเงินจริง”
✔ ใส่ให้อยู่ในระดับที่ พอดี – ไม่เว่อร์ – ไม่ต่ำจนดูไม่จริงจัง
✔ วางแผนโอนเงิน, จัดทำเอกสารบัญชี และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจีนตั้งแต่แรก

Facebook-Management YouTube Facebook-Consultant Facebook-Recruitment