“เงินจม (Sunk Cost) คืออะไร และทำไมยิ่งยึดติด ธุรกิจยิ่งเสี่ยง”
เกี่ยวกับ TMA Group
TMA Group เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากรและการให้คำปรึกษาทางธุรกิจในประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะให้บริการครบวงจรแก่ทั้งองค์กรและบุคคล รวมถึงการสรรหาบุคลากร การบริหารจัดการทางการเงิน การจัดการภาษี การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ และบริการอื่นๆ หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทย ยินดีต้อนรับติดต่อเราตลอดเวลา
ในการทำธุรกิจ หลายครั้งเราเคยได้ยินคำว่า“ลงทุนไปตั้งเยอะแล้ว เลิกไม่ได้หรอก”แต่ความคิดแบบนี้เอง ที่ทำให้หลายธุรกิจ ขาดทุนซ้ำซ้อน และแก้เกมไม่ทัน เงินที่จ่ายไปแล้วและไม่สามารถเอาคืนได้ เรียกว่า“เงินจม (Sunk Cost)”หากไม่เข้าใจและบริหารให้ถูกต้อง เงินจมอาจกลายเป็นกับดักที่ฉุดธุรกิจให้จมลึกกว่าเดิม

เงินจม (Sunk Cost) คืออะไร
เงินจม (Sunk Cost) คือค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจได้จ่ายไปแล้วในอดีต และ ไม่สามารถเรียกคืนได้ ไม่ว่าการตัดสินใจในอนาคตจะเป็นอย่างไร
สิ่งสำคัญคือ
เงินจม ไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจต่อไป เพราะเงินก้อนนั้น“หายไปแล้ว”
ตัวอย่างเงินจมที่พบได้บ่อยในธุรกิจ
1. ค่าโฆษณาที่ไม่เวิร์ก
ยิงโฆษณาไปแล้ว แต่ยอดขายไม่มา เงินที่จ่ายไปแล้วไม่สามารถเรียกคืน การตัดสินใจต่อไปควรดูว่า“ควรหยุดหรือปรับ”
2. ค่าพัฒนาสินค้าหรือระบบ
ลงทุนพัฒนาสินค้า แอป หรือระบบ แต่ตลาดไม่ตอบรับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จ่ายไปแล้วถือเป็นเงินจม การฝืนทำต่ออาจทำให้เสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
3. ค่าเช่าพื้นที่หรืออุปกรณ์
เซ็นสัญญาเช่า หรือซื้ออุปกรณ์มาแล้ว แต่ใช้งานไม่คุ้ม เงินที่จ่ายไปในอดีตไม่ควรเป็นเหตุผลในการฝืนดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิม
4. ค่าอบรม ค่าที่ปรึกษา
เรียนหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว แต่ไม่สามารถนำมาใช้ต่อได้ถือเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ควรนำมาบังคับการตัดสินใจใหม่
5. เวลาที่ลงทุนไป
แม้“เวลา”จะไม่ใช่เงินสด แต่เวลาที่ใช้ไปกับโปรเจกต์ที่ไม่สำเร็จถือเป็นเงินจมในเชิงโอกาสเช่นกัน
กับดักทางความคิดของเงินจม (Sunk Cost Fallacy)
ผู้ประกอบการจำนวนมากติดกับดักที่เรียกว่า“เพราะลงทุนไปแล้ว เลยเลิกไม่ได้”
ผลที่ตามมา คือ
ขาดทุนเพิ่ม
เสียเวลาและทรัพยากร
พลาดโอกาสใหม่ที่ดีกว่า
ธุรกิจติดหล่มโดยไม่จำเป็น
วิธีรับมือกับเงินจมอย่างถูกต้อง
แยกอดีตออกจากการตัดสินใจปัจจุบัน
ประเมินว่า“ถ้าเริ่มใหม่วันนี้ จะยังเลือกทำสิ่งนี้หรือไม่”
ใช้ข้อมูลและผลลัพธ์จริงเป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่อารมณ์
กล้ายุติสิ่งที่ไม่คุ้ม เพื่อรักษาเงินและโอกาสในอนาคต
ความแตกต่างระหว่าง“เงินจม (Sunk Cost)”และ“เงินสดที่จม (Cash Flow)”
เงินจม (Sunk Cost) : เงินที่จ่ายไปแล้ว เรียกคืนไม่ได้
เงินสดที่จม (Cash Flow) : เงินที่ยังกลับมาได้ แต่ติดอยู่ในสต็อก ลูกหนี้ หรืองานที่ยังไม่ปิด
ทั้งสองอย่างต่างกัน แต่ล้วนเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจต้องเข้าใจ
เงินจมไม่ใช่สิ่งที่ผิดพลาด แต่การ ยึดติดกับเงินจม ต่างหากที่อันตราย
ธุรกิจที่เติบโตได้ดี
ไม่ใช่ธุรกิจที่ไม่เคยพลาด
แต่คือธุรกิจที่ รู้จักตัดขาดจากสิ่งที่ไม่คุ้ม และเลือกเดินหน้าด้วยเหตุผล
การเข้าใจเงินจมอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้เฉียบคม ลดการขาดทุนซ้ำ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
1. สถานีนี้ปฏิบัติตามมาตรฐานในวงการ และทุกบทความที่ถูกคัดลอกจะถูกทำเครื่องหมายชัดเจนว่าเป็นของผู้เขียนและแหล่งที่มา; 2. บทความต้นฉบับของสถานีนี้ โปรดระบุผู้เขียนและแหล่งที่มาเมื่อมีการคัดลอก เราจะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่ไม่เคารพสิทธิของผู้เขียน; 3. การส่งบทความของผู้เขียนอาจถูกดำเนินการแก้ไขหรือเพิ่มเติมโดยบรรณาธิการของเราในบางกรณีที่เหมาะสม




